วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2563

รักทรยศ

รักทรยศ
           ความรัก ความเอ็นดูที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนับว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐยิ่งนัก แต่จะต้องมีสติยั้งคิดหรือตรึกตรองให้ละเอียรอบคอบก่อนทุกครั้ง จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง เพราะคำว่ามนุษย์นั้นยากแท้ที่จะหยั่งใจถึง มหาสมุทรที่ว่าลึกก็ยังหยั่งได้ ความต้องการนั้นบางครั้งมันก็ทำให้เราขาดสติยับยั้ง ถ้ามองโลกในด้านเดียวคือด้านบวก ก็จะมองไม่เห็นปัญหาที่จะตามมาในอนาคต ซึ่งอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด ถ้าจะมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ก็คงจะสายไปเสียแล้ว


         เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันมีตัวอย่างมากมายในหลายๆครั้ง ดั่งปรากฏขึ้นแล้วกับผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความรัก ความเมตตาโดยเต็มเปี่ยมในหัวใจ เขาชอบที่จะนำเอาเด็กมาเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งมันเป็นความสุขทางใจที่มีเด็กๆมาอยู่เป็นเพื่อน ทำให้ไม่เหงาบวกกับความไร้เดียงสา ทำให้เกิดความหลงไหล ลืมคิดไปว่า ในวันข้างหน้ามันย่อมมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เมื่อบุคคลเหล่านั้นย่างเข้าไปสู่อีกวัยหนึ่ง โดยเฉพาะวัยที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงด้านสรีระร่างกาย ด้านอารมณ์และสังคมสิ่งแวดล้อม ที่เขาได้รับการซึมซับมาแบบไม่รู้ตัว หรืออาจจะโดยตั้งใจก็มี



        เมื่อบุคลเหล่านั้นปีกกล้าขาแข็งขึ้นมา มโนสำนึกในความกตัญญูหรืออกตัญญูก็ย่อมเกิดขึ้นได้ตลอด เช่นจากเป็นคนว่านอนสอนง่ายก็อาจจะดื้อรั้น บางคนมีการศึกษามากขึ้น ก็เป็นเหตุทำให้ความคิดเปลี่ยนไปไม่เหมือนแต่ก่อน ในที่สุดก็ทอดทิ้งบุคคลที่เคยเลี้ยงดูและ ส่งเสียให้เรียนจนสำเร็จการศึกษา ซึ่งมีมากมายหลายตัวอย่างทั้งในอดีตและในปัจจุบัน สุดท้ายคนที่ชอบนำลูกคนอื่นมาเลี้ยง ก็ต้องอยู่ตัวคนเดียวเหมือนเดิม "ใช่ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับคนอื่นเท่านั้น แม้แต่ลูกหลานของตัวเองแท้ๆยังอกตัญญูให้เห็นในปัจจุบัน"


        เรื่องจริงที่นำมาเล่าสู่กันฟังคร่าวๆในวันนี้ น่าจะเป็นอุทาหรณ์เป็นอย่างดีสำหรับใครก็ตาม ที่จะนำเอาบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ลูกหลานของตนเองมาดูแล ขอให้คิดและตรึกตรอง ให้รอบคอบก่อนตัดสินใจจะได้ไม่เสียใจในภายหลัง ดั่งสำนวน สุภาษิตไทย "อย่าเอาลูกเขามาเลี้ยง อย่าเอาเมี่ยงเขามาอม" หมายถึง  เอาลูกของคนอื่นมาเลี้ยงเป็นลูก เป็นภาระรับผิดชอบที่หวังผลตอบแทนแน่นอนไม่ได้.
        รักทรยศ
   อย่าเที่ยวไปเรียกร้องมองหน้าใคร
สิ่งที่ได้กลับมาอย่าไปหวัง
เดินไปทางที่ตันพลันระวัง
ต้องมานั่งเหงาหงอยคอยกินยา

   เวลายืนแล้วนั่งยังหกล้ม
เกือบเป็นลมตาลายให้อายหมา
สิ่งที่หวังหมดไปในพริบตา
เป็นตำราอย่างดีที่จดจำ

   พึงระวังเอาไว้ให้จงหนัก
คนที่รักน้อยนิดคิดน่าขำ
หายากจริงยิ่งกว่าปลาสีดำ
สัจธรรมชีวิตต้องคิดเอา

    มองร่มเงาใบไม้ในแสงแดด
ที่มันแผดสาดส่องต้องหุบเขา
มีใบไม้ขวางกั้นนั้นบรรเทา
ร้อนรุมเร้าให้น้อยค่อยเย็นลง

    ดั่งปลาน้อยว่ายทวนสวนกระแส
คอยดูแลตัวเองไม่เกรงหลง
ว่ายทวนน้ำมุ่งไปใจมั่นคง
ไม่เคยหลงทิศทางบ้างสักครา

    ความผิดพลาดต้องมีไม่กี่ครั้ง
อย่าไปนั่งเหงาหงอยคอยเรียกหา
คิดย้อนหลังใจเพลียเสียเวลา
ไม่มีค่ามองข้ามห้ามหัวใจ

   ทางข้างหน้ายังรอขอมีหวัง
เพิ่มพลังชีวีที่สดใส
สายตามองข้างหน้าฟ้ากว้างไกล
บทสุดท้ายสมหวังดั่งใจเรา




















 



 






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น