วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ฝันรักฝันร้าย

ฝันรัก💗ฝันร้าย
     เดินทางดีๆนะลูก "จ๊ะแม่"เสียงลูกชายตอบรับอย่างสุภาพ สมัยก่อนนั้น ผู้ชายก็จะใช้คำว่า"จ๊ะ"กับพ่อกับแม่ หรือกับผู้ที่เคารพนับถือ ภาษาเรียบง่ายฟังดูดี มีความเสนาะเพราะพริ้งและสวยงามยิ่งนัก ลูกผู้ชายต้องไปตายเอาดาบหน้าใช่ไหมเพื่อน หนุ่มบ้านนาสองคนกอดคอและคุยกันไปเพื่อเดินไปขึ้นรถที่ถนนใหญ่หน้าหมู่บ้าน (ตรงศาลาที่พักผู้โดยสาร)เนื่องจากผืนแผ่นดินที่แห้งแล้ง ไม่มีน้ำที่จะมาเพาะปลูกพืชไร่ทำให้คนหนุ่มสาวในหมู่บ้านที่ห่างไกล ต้องดิ้นรนขวนขวายออกไปหางานทำในตัวเมืองหรือที่เมืองหลวง


     ความกตัญญูรู้คุณต่อบิดามารดร ที่ถูกปลูกฝัง ถูกอบรบสั่งสอนมาจากปู่ย่า ตายาย พ่อแม่และครูบาอาจารย์ มันฝังลึกเข้าไปในเส้นเลือดของคนหนุ่มสาวเหล่านั้น น้ำตาเริ่มไหลซึมออกมาจากดวงตา ของชายหนุ่มคู่นี้ ที่จะต้องจากบ้าน จากพ่อแม่และคนที่เรารักเป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรบ้าง เงินที่ติดตัวมานั้นก็ไม่ได้มากมายอะไร กะว่าเมื่อไปถึงจุดหมายปลายทาง ก็จะไปอาศัยหลวงพ่อขอนอนที่วัดสักสองสามคืน เพื่อที่จะไปหางานให้ได้ก่อน แล้วค่อยบอกลาหลวงพ่อและไปหาที่พัก


      รถเมล์เริ่มเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ พร้อมเสียงตะโกนเรียกผู้โดยสารของกระเป๋ารถเมล์ จังหวัดมั้ยครับๆเสียงตะโกนสองสามครั้ง เป็นจังหวะๆ จนรถวิ่งพ้นจากหมู่บ้านและศาลาที่พักผู้โดยสาร มองเห็นมือไหวๆของพ่อแม่และญาติพี่น้องคนอื่นๆที่มาส่งลูกหลาน โบกมืออำลา เพื่อส่งแรงใจ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ โชคดีมีชัยนะลูก ความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ กับชายหนุ่มสองคน น้ำตาของลูกผู้ชายไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว หยดแหมะลงพื้นรถโดยสาร ในตอนนั้นไม่มีใครสนใจใคร เพราะต่างคนต่างก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน


     บางคนถึงกับกลั้นความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่ เสียงสะอึกร่ำไห้ บางคนก็ปล่อยโฮออกมาแบบลืมไปว่าตัวเองนั้น เป็นหนุ่มเป็นสาวกันแล้วเพื่อนที่มาด้วยกันก็ต้องคอยปลอบประโลม และพูดคอยให้กำลังใจกัน จุดมุ่งหมายการไปหางานครั้งนี้ แต่ละคนก็มีเป้าหมายเป็นของตัวเอง บางคนถ้ามีญาติทำงานอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว ก็จะโชคดีกว่าเพื่อนเพราะมีที่พัก มีข้าวให้กินและมีงานรออยู่แล้ว ส่วนคนที่ไม่มีญาติเหมือนไอ้หนุ่มทั้งสองคนนี้ ก็ต้องใช้คำว่าขอไปตายเอาดาบหน้าก็แล้วกัน


     บ้างก็ไปประสบความสำเร็จ บางคนก็โชคร้ายถูกเครื่องจักรได้รับอันตรายจนพิการก็มี ดั่งขอยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพสักหนึ่งตัวอย่าง พี่น้องคู่หนึ่งไปทำงานในโรงงานของคนต่างชาติ แถวปริมณฑล ได้เกิดอุบัติเหตุระหว่างการทำงาน ทำให้มือข้างหนึ่งเส้นเอ็นขาด จนไม่สามารถหยิบจับอะไรได้เลยและก็ไม่ได้รับการดูแลจากนายจ้าง ต้องกลับบ้านมามือเปล่า มีเพียงเงินติดตัวมานิดหน่อย ที่เก็บหอมรอมลิบเอาไว้ตอนที่ทำงาน มาอยู่บ้านมือไม้หยิบจับอะไรก็ไม่สะดวก โถอนิจจาน่าสงสารจริงๆ


     ส่วนชายหนุ่มสองคนนั้นก็ได้เงินมาคนละก้อน พร้อมกับสร้อยทองคนละห้าสิบตังค์ เอามาให้แม่เป็นของฝากแล้วก็ซื้อผ้าขาวม้าเอามาฝากพ่อพร้อมกางเกงขาก๊วย *คุณค่าของความเป็นคนนั้นอยู่ที่ความกตัญญูรู้คุณ*ผู้นั้นก็จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองสุดที่จะประมาณได้

            💞ฝันรัก ฝันร้าย😎
    มื่อหนุ่มสาวจากบ้านหางานทำ
ใจเลิศล้ำเลอเลิศประเสริฐศรี
กตัญญูยิ่งใหญ่ในความดี
เพราะสิ่งนี้นำใจให้เจริญ

    ความขยันนำมาให้น่ารัก
ไม่จมปักรออยู่ดูขวยเขิน
สิ่งทั้งหลายเรียนรู้คู่ทางเดิน
ได้เพลิดเพลินสวยจริงสิ่งทั้งปวง

    ความสง่างดงามครั่นคร้ามจิต

ความเป็นมิตรไมตรีที่ใหญ่หลวง
เดินทางไปหนไหนไกลคนลวง
ขอให้ล่วงรอดพ้นคนไม่ดี

    ความอดทนมาก่อนคอยสอนสั่ง
พึงระวังเอาไว้ไม่คิดหนี
สู้อดทนทำงานนับนานปี
ใจดวงนี้แข็งแกร่งด้วยแรงเรา

    จงรู้จักหน้าที่มีคำตอบ

มัวไม่ชอบทุกสิ่งยิ่งอายเขา
ทำอะไรก็กลัวมัวมึนเมา
เมื่อไรเล่าได้ดีมีพร้อมสรรพ

   ดูตัวอย่างหนุ่มสาวชาวบ้านนา
ต่างมุ่งหางานดีมีรายรับ
ทุกเวลาตื่นตัวไม่มัวหลับ
คอยนั่งนับเวลาหาไม่มี

    ถูกปลูกฝังอบรมบ่มนิสัย

เอาดีได้เนืองนิจไม่คิดหนี
มีทรัพย์สินจำรูญพูลทวี
ไม่เป็นหนี้พอใช้ไม่อับจน

   กิดเป็นคนดีแล้วดวงแก้วเอ๋ย
อย่าละเลยหน้าที่ดีเหลือล้น
จะเหนื่อยยากเพียงใดให้อดทน
ไม่อับจนแน่นอนอย่าร้อนใจ

   สุขกว่านี้ไม่มีที่ไหนแล้ว

ไม่ต้องแจวจากลาพาไปไหน
บ้านนาเราสุขนักรักจากใจ
ศิวิไลซ์เรืองรองต้องบ้านนา

   ฟ้ามืดค่ำฝนมาฟ้าสลัว

ทุกครอบครัวพร้อมใจไม่ถือสา
ต่างร่วมแรงร่วมใจได้เงินมา
ทอดผ้าป่าสามัคคีนี้เป็นบุญ

    เมื่อฝันร้ายผ่านไปใจเป็นสุข

หมดความทุกข์โชคดีมีบุญหนุน
จงจำไว้เถิดว่าอย่าลืมคุณ
เป็นต้นทุนความดีที่สุขใจ




























วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ขยันนักรักเสียเลย

🌾 ขยันนัก💓รักเสียเลย🌾

    ฝนตกพรำๆอากาศเย็นสบายดีเหลือเกิน ต้นไม้ชูยอดชูใบ รับน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างชุ่มฉ่ำ เสียงเม็ดฝนกระทบหลังคาบ้านและใบไม้ดังเป๊าะแป๊ะ เสียงชวนให้เพลิดเพลินดีจัง ทำให้นอนหลับสบาย ผืนดินที่แห้งแล้งตอนนี้กลับมาชุ่มฉ่ำอีกครั้ง หลังจากแห้งแล้งมาหลายเดือน เมื่อย่างเข้าฤดูฝนๆก็จะตกลงมาทุกครั้ง ไม่เคยว่างเว้นสักปีเดียว บรรยากาศบอกเลยว่า สดชื่นเย็นสบายทั้งกายและใจอย่างที่สุดจะประมาณ



    เข้าฤดูฝนแล้วชาวนาที่รอน้ำฝน ก็ถือโอกาสอันดีนี้ เริ่มเตรียมตัวที่จะทำนา โดยใช้รถไถแปรเพื่อเตรียมดินเอาไว้ สำหรับการเพาะปลูก ที่นาหลายพันหลายหมื่นไร่ ในอำเภอที่ทำเกษตรกรรม เตรียมไถหว่านกันแล้ว  ชาวนาทุกคนจะขมักเขม้นที่จะปลูกข้าว วิธีการปลูกข้าว จะแตกต่างกันออกไป บางครอบครัวก็เตรียมตกกล้า เพื่อที่จะเอาไปดำในนา บางครอบครัวใช้วิธีหว่านแห้ง หว่านเปียก แล้วแต่สภาพที่ดินบนท้องนา ว่าเป็นที่ลุ่มหรือที่ดอน 



    ซึ่งวิธีการทำนาของแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน ต้องปรับสภาพไปตามความเป็นจริง ทุกคนต้องต่อสู้ดิ้นรน  เพื่อจะทำให้เกิดผลผลิตขึ้นมา จะได้นำเอาผลผลิตไปขายให้ได้เงินมาจับจ่ายใช้สอย ในชีวิตประจำวัน ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเทอม และค่าอะไรต่อมิอะไรมากมายหลายอย่าง ความขยันขันแข็งของเกษตรกรนั้น ต้องขอยกย่องไว้ในที่นี้และขอปรบมือให้ด้วยความจริงใจ



    ผลผลิตที่ได้มานั้น ก็ยังถือว่าพอที่จะพยุงการดำรงชีวิตไปได้ โดยที่ไม่เดือดร้อนกันสักเท่าไร เพราะการทำนานั้นต้องใช้ทุนพอสมควร ทั้งค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าจ้างปักดำ ค่ารถไถนา ค่าเก็บเกี่ยว หักต้นทุนแล้วเหลือไม่กี่บาท หลังจากการทำนาเสร็จสิ้น ก็จะเก็บข้าวเปลือกเอาไว้ทำพันธ์ุ  อีกส่วนหนึ่งก็จะเอาไป สีเป็นข้าวสาร เพื่อใช้ในการบริโภคในครอบครัว ซึ่งสิ่งนี้ที่ทำให้ชาวนา ไม่เดือดร้อนในเรื่องของอาหารการกิน กุ้ง หอย ปู ปลาก็หาได้ในแหล่งธรรมชาติ เช่น ห้วย หนอง คลอง บึง ที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร


   ชาวนาถือเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ที่ผลิตอาหารมาเพื่อให้ผู้คนภายในประเทศ ได้มีข้าวกินกัน นับได้ว่าเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวง จึงขอยกย่องกระดูกสันหลังของชาติไว้ ณ.โอกาสนี้ และขอให้พี่น้องชาวไทย จงมองเห็นถึงความสำคัญ ความลำบาก ความเหนื่อยยากอย่างแสนสาหัสของชาวนาว่า เขาคือผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง


    บทกลอนที่จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นบทกลอนยกย่องชีวิตชาวนาที่เอาหลังสู้ฟ้าเอาหน้าสู้ดิน อดทนทำกินเพื่อผลิตอาหารขึ้นมา เพื่อให้เราได้บริโภคกันอย่างมากมาย ขอเชิญทุกๆท่านมาเข้าสู่บทกลอนเพื่อชีวิตของชาวนา ที่น่ายกย่องกันได้เลยครับ

🌱ขยันนักรักเสียเลย🌿
    ข้าวหนึ่งเม็ดได้มามีค่ามาก
แสนลำบากเพียงใดใครจะเห็น
ต้องทุกข์ยากทนไปใหัลำเค็ญ
กว่าจะเป็นข้าวจ้าวที่เรากิน

    ทรหดอดทนไม่บ่นต่อ
เพียงแค่ขอทำนาพาถวิล
แม้จะหนักเพียงใดเหงื่อไหลริน
มีข้าวกินก็พอไม่ท้อใจ

    หัวใจสู้เกินร้อยไม่ถอยห่าง
แม้อยู่กลางแดดร้อนไม่อ่อนไหว
หนักก็เอาเบาสู้ให้รู้ไป
ถ้าเมื่อไหร่แรงหมดอดทันที

    ถึงร่างกายไม่ไหวแต่ใจสู้
จงรับรู้เถิดว่าข้าไม่หนี
สู้ทนทำเรื่อยไปด้วยใจมี
ที่ดินนี้แหล่งทองต้องทำกิน

    แม้เจ็บไข้บางครั้งยังสู้ต่อ
ไม่เคยท้อการงานอาจหาญสิ้น
หลังสู้ฟ้าหน้าหมองก้มมองดิน
ผ้าขาดวิ้นสีเลือนเปื้อนโคลนตรม

    วันเวลาหมดไปในวันหนึ่ง
ไม่คำนึงว่ามันนั้นขื่นขม
ฝ่าแสงแดดฝนนองต้องสายลม
ไม่ขอล้มยืนได้ด้วยใจพลี

    ขอยกย่องชาวนาน่าสงสาร
สุขสำราญเริงร่าพาสุขขี
จงสมหวังดั่งใจให้มากมี
สมบัตินี้มากล้นไม่จนจาง

    ความยิ่งใหญ่สายเลือดไม่เหือดหาย
ใจและกายเดินหน้าอย่ามาขวาง
เกษตรกรควรคู่ผู้นำทาง
ช่วยบันดาลอาหารได้ทานกิน

    แสงเรืองรองส่องฟ้ามาบรรเจิด
สวยเลอเลิศงามตาฟ้าดั่งศิลป์
ทุกชีวิตดิ้นรนทนทำกิน
บนผืนดินสยามนามว่าไทย


































วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เพื่อนรักเพื่อนเกลอ

เพื่อนรักเพื่อนเกลอ
    แถวชนบทในจังหวัดแถวภาคกลาง จะมีวัฒนธรรมสัมพันธไมตรี คือการจับเอาลูกหลานที่ย่างเข้าสู่วัยรุ่นหนุ่มสาว จับเอามาผูกข้อไม้ข้อมือเพื่อเป็นเพื่อนกัน  ในแต่ละหมู่บ้านแถวชนบทผู้คนส่วนใหญ่จะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันหมด เพราะว่าวัฒนธรรมประเพณีเอื้ออำนวยให้คนได้รู้จักกัน แต่ละปีในแต่ละหมู่บ้านจะมีงานบวช งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ งานโกนจุกและงานปิดทองไหว้พระประจำปีของแต่ละวัดในแต่ละตำบล



  เจ้าของงานก็จะพิมพ์การ์ดเรียนเชิญมาร่วมงาน จำนวนหลายร้อยใบ เพื่อเชิญมากินเลี้ยง(ก็คือมากินข้าวร่วมกันหรือมารับประทานอาหารร่วมกันนั่นเอง)ยานพาหนะที่ใช้ในสมัยนั้นก็คือรถจักรยานหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งก็คือรถถีบ ทางก็เป็นลูกรังสีแดงส้มขรุขระ มีหลุมมีบ่อฝนตกลงมา น้ำก็ขังตามแอ่งที่อยู่บนถนน ต้องถีบจักรยานหลบเป็นพัลวัน ถ้าหลบไม่ทันก็ถีบฝ่าไปกลางแอ่งน้ำ จนน้ำแตกกระจายไปทั้งสองข้าง คนที่ถีบตามมาก็โดนน้ำลูกรังสีแดงกระเด็นสาดเข้าเต็มตัว เปียกม่อลอกม่อแลกและก็หัวร่อกันอย่างสนุกสนาน ไม่ถือโทษโกรธกัน ถ้าใครที่ตั้งใจที่จะแกล้งคนอื่นเขา วันหน้าก็จะถูกแกล้งเอาคืนเช่นกัน


    ในงานกินเลี้ยงนั้นในแต่ละครอบครัว ก็จะนำลูกหลานไปกินเลี้ยงด้วย เพิ่มความดีใจเป็นอย่างมาก สำหรับหนุ่มน้อย สาวน้อยทั้งหลาย ที่รอโอกาสนี้ จะได้ไปเที่ยวบ้านที่มีงาน บางครั้งก็ได้เจอเพื่อนที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน พอเจอกันปุ๊บ ก็วิ่งเข้าไปหากันปั๊บ ยังกับไม่เคยเจอกันมาหลายวัน ทั้งที่เมื่อวันศุกร์ ก็ยังเล่นด้วยกันที่โรงเรียน เพื่อนที่เป็นลูกเจ้าของงาน ก็จะดีใจเป็นอย่างมาก บางครั้งก็ชวนกันไปเล่นด้วยกันจนลืมกินข้าว ผู้ปกครองต้องเอ่ยปาก ให้มากินข้าวก่อนแล้วค่อยไปเล่นต่อ


     บ้านไหนที่มีฐานะดี บวชลูกชายก็จะหาลิเกมาแสดง ในสมัยนั้นเวทีที่แสดงก็จะสร้างแบบง่ายๆ ใช้ไม้ไผ่ ทำเป็นโรงลิเก หลังคาเอาก้านมะพร้าวมามุมกันน้ำค้าง และใช้ไม้ไผ่ลำใหญ่ๆ กั้นเเป็นห้องเพื่อจะได้กั้นฉากลิเกได้ เด็กๆไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็จะชอบไปเล่นแถวๆหลังโรงลิเก เพราะว่าจะได้ดูลิเกแต่งตัวด้วย นานๆครั้งจะได้เห็นลิเกแต่งตัวสวยๆสักที บางคนนั่งมองดูตาไม่กระพริบเลยก็มี


    เมื่อพ่อแม่พาลูกพาหลานมาในงานที่จัดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานอะไร ก็จะถือโอกาสนี้ จับลูกหลานที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน นำมาผูกข้อมือเพื่อจะได้เป็นเพื่อนกัน มีงานอะไรก็จะได้มาช่วยกัน เพราะสมัยนั้นเทคโนโลยี ยังไม่เจริญต้องใช้แรงงานคนเท่านั้น สังคมก็ยังเป็นสังคมเกษตรกรรม จะเกี่ยวข้าวดำนาก็ต้องร่วมไม้ร่วมมือกัน เพื่อให้เสร็จทันเวลาหรือที่เขาเรียกกันว่าลงแขกนั่นเอง


    นี่คือที่มาของคำว่าเพื่อนเกลอ เป็นเรื่องราวแค่เพียงเสี้ยวหนึ่งของชีวิตเท่านั้น ที่นำมาเล่าสู่กันฟังพอจะได้ใจความ ความมีน้ำใจของคนสมัยก่อน ยากที่จะกล่าวเอาไว้ให้จบเพียงวันเดียว มันมีมากมายหลายร้อยหลายพันเรื่อง ที่จะมาเล่าสู่กันฟัง ถ้ามีโอกาสเอาไว้วันหน้า จะเอามาเล่าสู่กันฟังใหม่นะครับ

   บทกลอนในความเป็นเพื่อน ที่ยังไม่เลือนไปจากความทรงจำ มาอ่านกันเพลินๆลองย้อนไปในอดีต ที่มีความทรงจำดีๆ กับเพื่อนบางคนหรือหลายๆคน ที่เป็นเพื่อนเกลอ อาจจะสะดุดใจสักแว๊บ ขึ้นมาก็ได้ เชิญอ่านได้ครับ

     เพื่อนรักเพื่อนเกลอ
   เนิ่นนานมาหลายปีความดีเพื่อน
ยังไม่เลือนหายไปให้คิดถึง
สิ่งที่ดีทำมายังตราตรึง
ให้คำนึงถึงเพื่อนไม่เลือนลา

   คอยช่วยเหลือเกื้อกูลไม่สูญสิ้น
ไม่เคยหมิ่นน้ำใจให้ไขว่คว้า
มุ่งการเรียนทำงานอ่านตำรา
ช่วยกันหาความรู้อยู่ด้วยดี

   บางครั้งเงินไม่มีถึงทีเพื่อน
ไม่เคยเลือนจางหายหรือหน่ายหนี
เลี้ยงข้าวเรามีบ้างในบางที
ยังเป็นหนี้อยู่เลยไม่เคยเลือน

   ไปเที่ยวบ้านทุกครั้งยังจดจำ
พี่สาวทำแกงไก่ใครไม่เหมือน
อร่อยมากบอกไว้ให้คอยเตือน
พี่สาวเพื่อนแสนดีที่สุดเลย

   ความจดจำยังอยู่มิรู้จบ
ได้มาพบเพื่อนจริงไม่นิ่งเฉย
สิ่งที่ดีจำไว้ให้เปรียบเปรย
ขอเอื้อนเอ่ยเพื่อนรักยังปักใจ

   แม้เวลาผ่านไปให้ไกลลิบ
จะขอหยิบตำนานเล่าข่านไข
เพื่อนเสมือนเดือนดาวพราววิไล
ส่องแสงได้ทุกครั้งดั่งเพชรทอง

   ทั้งเกี่ยวข้าวดำนาหาเลี้ยงชีพ
เพื่อนก็รีบจัดให้ไม่เป็นสอง
ช่วยเหลือกันอย่างไวไม่เป็นรอง
เพื่อนทั้งผองดาหน้าสามัคคี

   ทุกสิ่งนี้ดีแล้วไม่แจวจาก
ความลำบากยากไร้อย่าไปหนี
มีหรือจนแค่ไหนต่างถ้อยที
ฟ้าปรานีเมตตามาเป็นคน

   พ่อและแม่สร้างมาหาเลี้ยงชีพ
ก็จงรีบไขว่คว้าอย่าไปสน
จงเดินหน้าต่อไปให้อดทน
หาเลี้ยงตนสุจริตอย่าผิดธรรม