💑แสงรัก💝ส่องใจ👼
อุแว้...อุแว้ เสียงดังมาจากท้ายหมู่บ้าน พร้อมทั้งเสียงไก่ข้นบอกเวลาว่าขณะนี้ตีห้าแล้ว ทั้งเสียงเด็กร้องและไก่ขันเป็นจังหวะๆสลับกันไปมา ฟังแล้วทำให้เพลิดเพลินดีเหลือเกิน วันพฤหัสบดี วันที่แปดเดือนอ้าย ราวปีพุทธศักราช 2502 มีเด็กชายคนหนึ่งถือกำเหนิดเกิดมา ในรุ่งสางของเช้าวันใหม่ อากาศที่ค่อนข้างจะหนาวเย็น มีหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณหมู่บ้าน ความสำเร็จในการทำคลอดครั้งนี้ต้องยกให้หมอตำแยที่ชื่อว่ายายแต๋ว ผู้มีความชำนาญในการทำคลอด เด็กๆมากกว่าร้อยชีวิตที่เจอมือยายแต๋วทำคลอด บอกได้เลยว่าไม่มีใครซักคน ที่ยายแต๋วทำคลอดออกมาแล้วตาย ซึ่งคนในหมู่บ้านหรือหมู่บ้านใกล้เคียง จะเชื่อฝีมือการทำคลอดของยายแต๋วเป็นอย่างดี
วันเวลาช่างเดินไวเสียจริงตอนนี้หนุ่มน้อยอายุ 7 ขวบแล้ว อายุอยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องเข้ารับการศึกษาชั้นประถมปีที่1 เสื้อใหม่ทั้งชุดตั้งแต่หัวจรดเท้า หนุ่มน้อยคนนี้ดูผิวพรรณดี หน้าตาหล่อยังกับพระเอกหนังไทย คนทั่วหมู่บ้านต่างรักและเอ็นดูหนุ่มน้อยคนนี้ ไปโรงเรียนวันแรกรู้สึกว่ามันมีความตื่นเต้นไม่น้อยเลยที่เดี๋ยว เจอคุณครูยืนรอรับอยู่หน้าประตูโรงเรียน หนุ่มน้อยรู้สึกเขินอายทำอะไรไม่ถูก นักเรียนรุ่นพี่ที่มาโรงเรียน ต่างโค้งคำนับคุณครูกันทุกๆคน หนุ่มน้อยยืนดูแบบงงๆ จนคุณแม่ที่มาส่งหนุ่มน้อย ต้องบอกให้ทำความเคารพคุณครู หนุ่มน้อยตั้งสติได้ก็โค้งคำนับตามรุ่นพี่ไปหนึ่งครั้ง แล้วก็หันมาสวัสดีคุณแม่และเดินเข้าไปในโรงเรียนตามนักเรียนคนอื่นๆ เพื่อไปยืนหน้าเสาธง เตรียมตัวเคารพธงชาติ ตามที่คุณครูบอก
หลังจากเลิกเรียนหนุ่มน้อยกลับมาบ้าน ก็ช่วยแม่กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจานเป็นแบบนี้เป็นกิจวัตรประจำวัน เสร็จแล้วก็ทำการบ้านคัดลายมือตามที่คุณครูให้มา เสร็จจากทำการบ้านก็ไปอาบน้ำ และรับประทานอาหารเย็น ต่อจากนั้นก็แปรงฟันก่อนเข้านอน บางครั้งก็เปิดวิทยุฟังนิทานหรือขำขัน เสียงสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศประกาศบอก โปรดเตรียมเทียบเวลา สัญญาณเพลงเทียบเวลาดังขึ้น หลังจากนั้นคล้ายเสียงนาฬิกาดังขึ้น 8 ครั้งผู้ประกาศข่าวพูดออกเสียง ขณะนี้เวลา ยี่สิบนาฬิกา ต่อด้วยเพลงมาร์ชบรรเลง และพูดต่อไปว่า วิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยขอเสนอข่าว ซึ่งมีหัวข้อข่าวดังนี้... คนในครอบครัวนั่งฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนตัวหนุ่มน้อยหลับไปตั้งแต่ เสียงนาฬิกาเทียบเวลาดังขึ้นครั้งแรกแล้ว เพราะวันรุ่งขึ้นจะต้องตื่นนอนแต่เช้าเพื่อไปโรงเรียน
เมื่อหนุ่มน้อยเติบโตเป็นหนุ่มอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ก็ได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ บวชแทนพระคุณพ่อ แม่ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กจนโต ทุกคนต่างปลื้มปิติโดยเฉพาะพ่อและแม่ ต่างมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เห็นชายผ้าเหลืองก่อนตาย น้ำตาท่านทั้งสองไหลออกมาด้ายความตื้นตันใจ การจัดงานบวชไม่ได้ใหญ่โตอะไร จัดแบบประหยัดที่เรียกว่า"ข้าวหม้อแกงหม้อ" ตามสมัยโบราณที่เขาเรียกกัน มีแขกเหลื่อที่มาร่วมงานก็คนในหมู่บ้านนั่นเอง
ในสมัยนั้นใครที่บวชต้องอยู่ให้ครบหนึ่งพรรษา เพื่อที่จะได้เรียนปริยัตธรรม ธรรมที่จะต้องเล่าเรียนได้แก่ พระไตรปิฎก, ในวงการคณะสงฆ์หมายถึง การเรียนศาสนาตามหลักสูตรแบ่งออกเป็น ๒ สาขา คือ นักธรรม และบาลี เพราะว่าสึกมาแล้วจะได้เป็นคนโดยสมบูรณ์ที่เขาเรียกขนานนามกันว่า"ทิด" ทิดคือคำนำหน้าชื่อ ผู้ที่สึกจากพระ เช่น ทิดมาก ทิดแดง ทิดมา เป็นต้น ขยายความคำว่าเป็นคนโดยสมบูรณ์ คือ การปฏิบัติตนในชีวิตประจำวัน เป็นผู้ที่พร้อมไปด้วยกิริยา มารยาท ความขยัน ความซื่อสัตย์ ความอดทน ความกตัญญูจะต้องมีครบสมบูรณ์ ตามหลักคำสั่งสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อการดำเนินชีวิต จะได้มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองสืบไป
พอครบหนึ่งพรรษารับผ้าพระกฐิณแล้ว ก็สึกออกมาช่วยพ่อแม่ทำงานและแต่งงานมีครอบครัว มีลูกมีหลานสืบนามสกุลหรือสืบตระกูล ตามวิถีชีวิตปกติสุขของชาวโลก ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบัน
💞 แสงรักส่องใจ 💑
จะหารักอื่นใดในโลกนี้
คงไม่มีรักใดใครจะเหมือน
บริสุทธิ์จริงใจไม่บิดเบือน
เปรียบเสมือนน้ำผึ้งซึ้งตรึงใจ
เป็นรักแท้ใหญ่กว่ามหาสมุทร
ไม่ชำรุดสึกกร่อนหรืออ่อนไหว
รักประเสริฐมีค่าหาอื่นใด
มาเทียบได้รักแท้คือแม่เรา
เฝ้าเลี้ยงดูเห่กล่อมยอมเพื่อลูก
ใจพันผูกรักจริงทุกสิ่งเล่า
จะเหนื่อยยากเพียงใดไม่ส่างเซา
ขอเพียงเจ้ารอดพ้นเถิดคนดี
รักจากใจแม่นี้มีคำตอบ
จึงขอมอบรักจริงทุกสิ่งนี้
เป็นความรักจริงแท้ที่แม่มี
จะนานปีเพียงใดให้มั่นคง
อยากได้ลูกคนดีเป็นที่พึ่ง
ใจเป็นหนึ่งสวยเด่นเช่นดั่งหงส์
เหมือนางฟ้าแจ่มแจ้งแสดงองค์
มาดำรงให้เห็นเป็นประจำ
พระจันทร์เด่นลอยอยู่คู่บนฟ้า
สายธาราสดชื่นทุกคืนค่ำ
วิหคร้องเสียงเด่นเป็นลำนำ
ฟ้าชุ่มฉ่ำเริงรื่นสดชื่นกาย
มีชีวิตรุ่งเรืองไม่เคืองขุ่น
นับเป็นบุญยิ่งใหญ่ไม่เหือดหาย
กตัญญูรู้ทางมิวางวาย
บทสุดท้ายชีวิตจงคิดดี
จงตอบแทนพระคุณหนุนนำส่ง
เพื่อดำรงให้เห็นเป็นศักดิ์ศรี
จงตอบแทนแม่พ่อไม่รอรี
ในชาตินี้ทำได้อย่าอายคน
วันเวลาช่างเดินไวเสียจริงตอนนี้หนุ่มน้อยอายุ 7 ขวบแล้ว อายุอยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องเข้ารับการศึกษาชั้นประถมปีที่1 เสื้อใหม่ทั้งชุดตั้งแต่หัวจรดเท้า หนุ่มน้อยคนนี้ดูผิวพรรณดี หน้าตาหล่อยังกับพระเอกหนังไทย คนทั่วหมู่บ้านต่างรักและเอ็นดูหนุ่มน้อยคนนี้ ไปโรงเรียนวันแรกรู้สึกว่ามันมีความตื่นเต้นไม่น้อยเลยที่เดี๋ยว เจอคุณครูยืนรอรับอยู่หน้าประตูโรงเรียน หนุ่มน้อยรู้สึกเขินอายทำอะไรไม่ถูก นักเรียนรุ่นพี่ที่มาโรงเรียน ต่างโค้งคำนับคุณครูกันทุกๆคน หนุ่มน้อยยืนดูแบบงงๆ จนคุณแม่ที่มาส่งหนุ่มน้อย ต้องบอกให้ทำความเคารพคุณครู หนุ่มน้อยตั้งสติได้ก็โค้งคำนับตามรุ่นพี่ไปหนึ่งครั้ง แล้วก็หันมาสวัสดีคุณแม่และเดินเข้าไปในโรงเรียนตามนักเรียนคนอื่นๆ เพื่อไปยืนหน้าเสาธง เตรียมตัวเคารพธงชาติ ตามที่คุณครูบอก
หลังจากเลิกเรียนหนุ่มน้อยกลับมาบ้าน ก็ช่วยแม่กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจานเป็นแบบนี้เป็นกิจวัตรประจำวัน เสร็จแล้วก็ทำการบ้านคัดลายมือตามที่คุณครูให้มา เสร็จจากทำการบ้านก็ไปอาบน้ำ และรับประทานอาหารเย็น ต่อจากนั้นก็แปรงฟันก่อนเข้านอน บางครั้งก็เปิดวิทยุฟังนิทานหรือขำขัน เสียงสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศประกาศบอก โปรดเตรียมเทียบเวลา สัญญาณเพลงเทียบเวลาดังขึ้น หลังจากนั้นคล้ายเสียงนาฬิกาดังขึ้น 8 ครั้งผู้ประกาศข่าวพูดออกเสียง ขณะนี้เวลา ยี่สิบนาฬิกา ต่อด้วยเพลงมาร์ชบรรเลง และพูดต่อไปว่า วิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยขอเสนอข่าว ซึ่งมีหัวข้อข่าวดังนี้... คนในครอบครัวนั่งฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนตัวหนุ่มน้อยหลับไปตั้งแต่ เสียงนาฬิกาเทียบเวลาดังขึ้นครั้งแรกแล้ว เพราะวันรุ่งขึ้นจะต้องตื่นนอนแต่เช้าเพื่อไปโรงเรียน
เมื่อหนุ่มน้อยเติบโตเป็นหนุ่มอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ก็ได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ บวชแทนพระคุณพ่อ แม่ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กจนโต ทุกคนต่างปลื้มปิติโดยเฉพาะพ่อและแม่ ต่างมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เห็นชายผ้าเหลืองก่อนตาย น้ำตาท่านทั้งสองไหลออกมาด้ายความตื้นตันใจ การจัดงานบวชไม่ได้ใหญ่โตอะไร จัดแบบประหยัดที่เรียกว่า"ข้าวหม้อแกงหม้อ" ตามสมัยโบราณที่เขาเรียกกัน มีแขกเหลื่อที่มาร่วมงานก็คนในหมู่บ้านนั่นเอง
ในสมัยนั้นใครที่บวชต้องอยู่ให้ครบหนึ่งพรรษา เพื่อที่จะได้เรียนปริยัตธรรม ธรรมที่จะต้องเล่าเรียนได้แก่ พระไตรปิฎก, ในวงการคณะสงฆ์หมายถึง การเรียนศาสนาตามหลักสูตรแบ่งออกเป็น ๒ สาขา คือ นักธรรม และบาลี เพราะว่าสึกมาแล้วจะได้เป็นคนโดยสมบูรณ์ที่เขาเรียกขนานนามกันว่า"ทิด" ทิดคือคำนำหน้าชื่อ ผู้ที่สึกจากพระ เช่น ทิดมาก ทิดแดง ทิดมา เป็นต้น ขยายความคำว่าเป็นคนโดยสมบูรณ์ คือ การปฏิบัติตนในชีวิตประจำวัน เป็นผู้ที่พร้อมไปด้วยกิริยา มารยาท ความขยัน ความซื่อสัตย์ ความอดทน ความกตัญญูจะต้องมีครบสมบูรณ์ ตามหลักคำสั่งสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อการดำเนินชีวิต จะได้มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองสืบไป
พอครบหนึ่งพรรษารับผ้าพระกฐิณแล้ว ก็สึกออกมาช่วยพ่อแม่ทำงานและแต่งงานมีครอบครัว มีลูกมีหลานสืบนามสกุลหรือสืบตระกูล ตามวิถีชีวิตปกติสุขของชาวโลก ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบัน
💞 แสงรักส่องใจ 💑
จะหารักอื่นใดในโลกนี้
คงไม่มีรักใดใครจะเหมือน
บริสุทธิ์จริงใจไม่บิดเบือน
เปรียบเสมือนน้ำผึ้งซึ้งตรึงใจ
เป็นรักแท้ใหญ่กว่ามหาสมุทร
ไม่ชำรุดสึกกร่อนหรืออ่อนไหว
รักประเสริฐมีค่าหาอื่นใด
มาเทียบได้รักแท้คือแม่เรา
เฝ้าเลี้ยงดูเห่กล่อมยอมเพื่อลูก
ใจพันผูกรักจริงทุกสิ่งเล่า
จะเหนื่อยยากเพียงใดไม่ส่างเซา
ขอเพียงเจ้ารอดพ้นเถิดคนดี
รักจากใจแม่นี้มีคำตอบ
จึงขอมอบรักจริงทุกสิ่งนี้
เป็นความรักจริงแท้ที่แม่มี
จะนานปีเพียงใดให้มั่นคง
อยากได้ลูกคนดีเป็นที่พึ่ง
ใจเป็นหนึ่งสวยเด่นเช่นดั่งหงส์
เหมือนางฟ้าแจ่มแจ้งแสดงองค์
มาดำรงให้เห็นเป็นประจำ
พระจันทร์เด่นลอยอยู่คู่บนฟ้า
สายธาราสดชื่นทุกคืนค่ำ
วิหคร้องเสียงเด่นเป็นลำนำ
ฟ้าชุ่มฉ่ำเริงรื่นสดชื่นกาย
มีชีวิตรุ่งเรืองไม่เคืองขุ่น
นับเป็นบุญยิ่งใหญ่ไม่เหือดหาย
กตัญญูรู้ทางมิวางวาย
บทสุดท้ายชีวิตจงคิดดี
จงตอบแทนพระคุณหนุนนำส่ง
เพื่อดำรงให้เห็นเป็นศักดิ์ศรี
จงตอบแทนแม่พ่อไม่รอรี
ในชาตินี้ทำได้อย่าอายคน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น